โดยชินานนท์ วงศ์วีระชัย เมื่อ 29/06/2553 www.forlayman.com
ในการสอบสอนคดีอาญานั้น ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญากำหนดให้เป็นอำนาจหน้าที่ของพนักงานสอบสวน ผู้ที่จะเป็นพนักงานสอบสวนได้ก็คือ พนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจ ซึ่งปัจจุบันได้กำหนดให้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่มียศตั้งแต่ร้อยตำรวจตรีขึ้นไปเป็นพนักงานสอบสวน มีอำนาจหน้าที่ทำการสอบสวนในเขตพื้นที่ที่ตนรับผิดชอบ
การสอบสวนก็คือ การรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆเกี่ยวกับความผิดที่มีการกล่าวหา เพื่อที่จะทราบข้อเท็จจริงหรือพิสูจน์ความผิด และเพื่อที่จะเอาตัวผู้กระทำผิดมาฟ้องลงโทษ ดังนั้น พนักงานสอบสวนจึงอาจออกหมายเรียกผู้ที่เกี่ยวข้องมาให้ถ้อยคำ หรืออาจจะขอให้ศาลออกหมายค้นเพื่อแสวงหาพยานหลักฐานต่างๆ หรือขอให้ศาลออกหมายจับเพื่อเอาตัวผู้ต้องหามาเพื่อดำเนินคดีต่อไปก็ได้ และขั้นตอนสุดท้ายคือ การสั่งคดีว่าควรจะสั่งฟ้องผู้ต้องหาหรือไม่ ขั้นตอนต่างๆเหล่านี้เป็นขั้นตอนที่พนักงานสอบสวนปฏิบัติตามบทบัญญัติของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา พนักงานสอบสวนสามารถใช้ดุลพินิจได้ตามความเหมาะสมตามกรอบที่กฎหมายกำหนด
ศาลปกครองนั้น มีหน้าที่ตรวจสอบการกระทำต่างๆของเจ้าหน้าที่ของรัฐว่ากระทำการอยู่ในกรอบที่กฎหมายกำหนดหรือไม่ แต่ไม่มีอำนาจที่จะเข้าไปปฏิบัติการในเรื่องนั้นๆเสียเอง ดังนั้น การเข้าไปใช้ดุลพินิจสั่งการในเรื่องนั้นๆเสียเอง ศาลปกครองไม่สามารถกระทำได้ คงวินิจฉัยว่าการดำเนินการในเรื่องนั้นชอบด้วยกฎหมายหรือไม่เท่านั้น แต่ถ้าพนักงานสอบสวนละเลยต่อหน้าที่หรือล่าช้าในการปฏิบัติหน้าที่ ศาลปกครองสามารถเข้าไปตรวจสอบได้
คำสั่งของศาลปกครองสูงสุดที่ ๓๙๐/๒๕๕๒ การสอบสวนของพนักงานสอบสวนในคดีอาญานั้น เป็นการปฏิบัติหน้าที่ในฐานะเจ้าหน้าที่ของรัฐตาม
-กฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการแผ่นดินและ
-ระเบียบของสำนักงานตำรวจแห่งชาติเกี่ยวกับคดี ประกอบกับ
-ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
เมื่อคดีนี้ผู้ฟ้องคดีอ้างว่า ได้ร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน(ผู้ถูกฟ้องคดี) กล่าวโทษพี่สาวของผู้ฟ้องคดีและเป็นผู้จัดการมรดกของบิดาว่ายักยอกฉ้อโกงทรัพย์มรดก แต่ผู้ถูกฟ้องคดีไม่ดำเนินการใดๆ จึงเป็นการกล่าวหาว่า ผู้ถูกฟ้องคดีละเลยหรือล่าช้าในการปฏิบัติหน้าที่ อันเป็นกรณีพิพาทเกี่ยวกับการที่เจ้าหน้าที่ของรัฐละเลยหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติ หรือปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวล่าช้าเกินสมควร คดีจึงอยู่ในอำนาจของศาลปกครอง
แต่ถ้าเป็นเรื่องของการใช้ดุลพินิจในการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานสอบสวน เกี่ยวกับการดำเนินคดีหรือการรวบรวมพยานหลักฐานใดๆหรือการสั่งคดี พนักงานสอบสวนสามารถใช้ดุลพินิจกระทำการอย่างใดก็ได้ตามที่เห็นสมควรตามกรอบของกฎหมาย อันเป็นการใช้อำนาจตามกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา กรณีเหล่านี้ย่อมอยู่ในการตรวจสอบของศาลยุติธรรม ไม่ใช่ศาลปกครอง(คำสั่งศาลปกครองสูงสุดที่ ๒๙๙/๒๕๕๐)
สำหรับกรณีที่พนักงานสอบสวนกระทำละเมิด เช่น กรณีที่พนักงานสอบสวนยึดรถของผู้ฟ้องคดีไว้โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย เมื่อผู้ฟ้องคดีขอรับรถคืนแล้วไม่คืนให้ และรถยนต์ถูกจอดทิ้งไว้โดยไม่มีการดูแลรักษา เป็นเหตุให้ผู้ฟ้องคดีไม่มีรถยนต์ใช้และรถยนต์ได้รับความเสียหาย จึงเป็นกรณีที่กล่าวอ้างว่า พนักงานสอบสวนกระทำละเมิดของผู้ฟ้องคดีในการปฏิบัติหน้าที่ในกระบวนการยุติธรรมทางอาญา คดีอยู่ในอำนาจการควบคุมตรวจสอบของศาลยุติธรรม ไม่ใช่ศาลปกครองเช่นเดียวกัน(คำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดที่ อ. ๖๖/๒๕๕๒)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น