ศาลปกครองกลาง มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 23 กันยายนในคดีที่
นางจุฑาทิพย์ ศิริรักษ์ ข้าราชการระดับ 8 สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.)ภูมิภาคที่ 15 (จ.สงขลา)
ฟ้อง
1. สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) และ
2. ผู้่่ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน(คุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา) เป็นผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 และ 2 ตามลำดับ
กรณีออกคำสั่งแต่งตั้ง
นายเฉลิมชัย ทั่วจบ ให้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการตรวจเงินแผ่นดิน (นักบริหาร8) สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินภูมิภาคที่ 15 (จ.สงขลา)
ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
โดยศาลมีคำพิพากษาให้เพิกถอนคำสั่งดังกล่าว
ทั้งนี้ ผู้ฟ้อง ได้แก่ นางจุฑาทิพย์ ข้าราชการซี8 สตง.ภูมิภาคที่ 15 (จ.สงขลา)และรักษาราชการแทนผู้ำอำนวยการตรวจเงินแผ่นดินภูมิภาค ระดับ 9 (นักบริหาร9) ได้รับความเดือดร้อนเสียหาย เนื่องจาก ผู้ว่าการฯ ออกคำสั่งโดยลดระดับตำแหน่งของผู้อำนวยการตรวจเงินแผ่นดินภูมิภาค (นักบริหาร9) สตง.ภูมิภาคที่ 15 (จ.สงขลา) ตำแหน่งที่2607 ลงหนึ่งระดับ เป็นตำแหน่งนักบริหาร 8 เพื่อให้สามารถแต่งตั้งนายเฉลิมชัย ทั่วจบ ได้ทำให้ตนไม่ได้รับโอกาสในการคัดเลือกเพื่อเลื่อนขึ้นดำรงตำแหน่งนักบริหาร 9
แต่เนื่องจากการกำหนดตำแหน่งตามโครงสร้างการแบ่งส่วนราชการใหม่ ตามประกาศราชกิจจานุเบกษา วันที่ 9 มีนาคม 2549 คณะกรรมการข้าราชการสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน(ก.ตง.) ได้กำหนดตำแหน่งนักบริหารไว้เพียง 2 ระดับ คือ
ทั้งนี้ ผู้ฟ้อง ได้แก่ นางจุฑาทิพย์ ข้าราชการซี8 สตง.ภูมิภาคที่ 15 (จ.สงขลา)และรักษาราชการแทนผู้ำอำนวยการตรวจเงินแผ่นดินภูมิภาค ระดับ 9 (นักบริหาร9) ได้รับความเดือดร้อนเสียหาย เนื่องจาก ผู้ว่าการฯ ออกคำสั่งโดยลดระดับตำแหน่งของผู้อำนวยการตรวจเงินแผ่นดินภูมิภาค (นักบริหาร9) สตง.ภูมิภาคที่ 15 (จ.สงขลา) ตำแหน่งที่2607 ลงหนึ่งระดับ เป็นตำแหน่งนักบริหาร 8 เพื่อให้สามารถแต่งตั้งนายเฉลิมชัย ทั่วจบ ได้ทำให้ตนไม่ได้รับโอกาสในการคัดเลือกเพื่อเลื่อนขึ้นดำรงตำแหน่งนักบริหาร 9
แต่เนื่องจากการกำหนดตำแหน่งตามโครงสร้างการแบ่งส่วนราชการใหม่ ตามประกาศราชกิจจานุเบกษา วันที่ 9 มีนาคม 2549 คณะกรรมการข้าราชการสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน(ก.ตง.) ได้กำหนดตำแหน่งนักบริหารไว้เพียง 2 ระดับ คือ
1.นักบริหาร10 ระดับ10 รองผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน และ
2.นักบริหาร9 ระดับ9 ผู้อำนวยการสำนักงาน
โดยที่การแต่งตั้งนักบริหาร8 ระดับ8ถึง นักบริหาร10 ระดับ10 ได้ถูกยกเลิกไปแล้ว
ดังนั้น การลดระดับตำแหน่งของผู้อำนวยการตรวจเงินแผ่นดินภูมิภาค (นักบริหาร9) ลงหนึ่งระดับ เป็นตำแหน่งนักบริหาร 8 เพื่อแต่งตั้งนายเฉลิมชัย ทั่วจบ ให้ดำรงตำแหน่งดังกล่าวตามคำสั่งของคุณหญิงจารุวรรณ ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ดังนั้น การลดระดับตำแหน่งของผู้อำนวยการตรวจเงินแผ่นดินภูมิภาค (นักบริหาร9) ลงหนึ่งระดับ เป็นตำแหน่งนักบริหาร 8 เพื่อแต่งตั้งนายเฉลิมชัย ทั่วจบ ให้ดำรงตำแหน่งดังกล่าวตามคำสั่งของคุณหญิงจารุวรรณ ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
เพราะคุณหญิงจารุวรรณ ไม่มีอำนาจที่จะปรับลดระดับตำแหน่ง ของตำแหน่งที่ ก.ตง.ไม่ได้กำหนดให้
ดังนั้น เมื่อตำแหน่งผู้ำอำนวยการตรวจเงินแผ่นดิน (นักบริหาร9) สตง.ภูมิภาคที่ 15 (จ.สงขลา) ก.ตง.ได้กำหนดให้เป็นตำแหน่งนักบริหาร 9 ตามโครงสร้างการแบ่งส่วนราชการเดิม (พ.ศ.2545) อยู่แล้ว ตำแหน่งดังกล่าวจึงมิใช่ตำแหน่งที่ ก.ตง.กำหนด การลดระดับตำแหน่งดังกล่าวเพื่อให้นายเฉลิมชัย ดำรงตำแหน่ง จึงเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้องตามหลักเกณฑ์การจัดคนลงตามโครงสร้างใหม่ที่คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินได้ให้ความเห็นชอบเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ศาลพิพากษาให้เพิกถอนคำสั่งที่แต่งตั้งนายเฉลิมชัย ทั่วจบ ให้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการตรวจเงินแผ่นดินภูมิภาค (นักบริหาร8)ตำแหน่งเลขที่ 2607 สตง.ภูมิภาคที่15 (จ.สงขลา)โดยให้มีผลย้อนหลังตั้งแต่วันที่คำสั่งดังกล่าวมีผลบังคับใช้ และให้ผู้ว่าฯสตง.พิจารณาแต่งตั้งข้าราชการ รวมทั้งตัวนางจุฑาทิพย์ให้ดำรงตำแหน่งดังกล่าวอย่างถูกต้องตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป คำขออื่นให้ยก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ คุณหญิงจารุวรรณ แพ้คดีการแต่งตั้งข้ารากชาร สตง.ดดยไม่ชอบมาแล้ว จำนวน 2 คดี จากที่มีผู้ฟ้องทั้งหมด 4 คดี โดยศาลปกครองกลางได้เพิกถอนคำสั่งแต่งตั้งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายจำนวน 2คดี ดังนี้
1. เพิกถอนคำสั่งแต่งตั้ง น.ส.สุมิตรา เนตรสว่าง จากเจ้าหน้าที่ตรวจสอบภายใน 8 กลุ่มงานตรวจสอบภายใน สตง.(ส่วนกลาง)ไปเป็นนักวิชาการตรวจเงินแผ่นดิน 8 กลุ่มตรวจสอบการเงินที่ 2 สตง.ภูมิภาคที่ 1 ตั้งแต่มีนาคม 2549 (หมายเลขแดงที่ 88/2552)
2.เพิกถอนคำสั่งแต่งตั้ง นายอภิชัย ล้อไพบูลย์ทรัพย์ จากผู้อำนวยการสำนักกฎหมาย สตง.ไปดำรงตำแหน่งผู้ตรวจเงินแผ่นดิน 2 ระดับ 9 เนื่องจากเป็นการใช้ดุลพินิจโดยมิชอบเพราะไม่ทำตามมติคณะกรรมการพิจารณาแต่งตั้งบุคคลให้ดำรงตำแหน่งตามโครงสร้างการแบ่งส่วนราชการภายในใหม่ที่เสนอให้แต่งตั้งนายอภิชัย ให้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักกฎหมาย จึงเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย(หมายเลขแดงที่ 1357/2552)
ทั้งสองคดีเป็นการใช้ดุลพินิจไม่ชอบคือไม่ทำตามมติคณะกรรมการพิจารณาแต่งตั้งบุคคลให้ดำรงตำแหน่งตามโครงสร้างการแบ่งส่วนราชการภายในใหม่ซึ่งพิจารณาเสนอแต่งตั้งบุคคลทั้งสองตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน(คตง.)ได้กำหนดไว้ แต่คุณหญิงจารุวรรณอ้างว่า บุคคลทั้งสองคุณสมบัติไม่เหมาะสม
ก่อนหน้านี้ เมื่อเวลา 10.30 น. วันเดียวกัน นายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส รองผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน ในฐานะรักษาการ ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน เดินทางมาขอเป็นผู้ร้องสอดในคดีที่ผู้ตรวจการแผ่นดินยื่นฟ้องคุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา อดีตผู้ว่าdkiฯ โดยขอให้ศาลเพิกถอนคำสั่งของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) ลงวันที่ 18 สิงหาคม 2553 ซึ่งคุณหญิงจารุวรรณ ได้ออกคำสั่งยกเลิกคำสั่งแต่งตั้งรองผู้ว่าการฯ เป็นผู้รักษาการผู้ว่าการฯ โดยระบุว่า เนื่องจากเป็นการออกคำสั่งของผู้ไม่มีอำนาจ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ คุณหญิงจารุวรรณ แพ้คดีการแต่งตั้งข้ารากชาร สตง.ดดยไม่ชอบมาแล้ว จำนวน 2 คดี จากที่มีผู้ฟ้องทั้งหมด 4 คดี โดยศาลปกครองกลางได้เพิกถอนคำสั่งแต่งตั้งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายจำนวน 2คดี ดังนี้
1. เพิกถอนคำสั่งแต่งตั้ง น.ส.สุมิตรา เนตรสว่าง จากเจ้าหน้าที่ตรวจสอบภายใน 8 กลุ่มงานตรวจสอบภายใน สตง.(ส่วนกลาง)ไปเป็นนักวิชาการตรวจเงินแผ่นดิน 8 กลุ่มตรวจสอบการเงินที่ 2 สตง.ภูมิภาคที่ 1 ตั้งแต่มีนาคม 2549 (หมายเลขแดงที่ 88/2552)
2.เพิกถอนคำสั่งแต่งตั้ง นายอภิชัย ล้อไพบูลย์ทรัพย์ จากผู้อำนวยการสำนักกฎหมาย สตง.ไปดำรงตำแหน่งผู้ตรวจเงินแผ่นดิน 2 ระดับ 9 เนื่องจากเป็นการใช้ดุลพินิจโดยมิชอบเพราะไม่ทำตามมติคณะกรรมการพิจารณาแต่งตั้งบุคคลให้ดำรงตำแหน่งตามโครงสร้างการแบ่งส่วนราชการภายในใหม่ที่เสนอให้แต่งตั้งนายอภิชัย ให้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักกฎหมาย จึงเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย(หมายเลขแดงที่ 1357/2552)
ทั้งสองคดีเป็นการใช้ดุลพินิจไม่ชอบคือไม่ทำตามมติคณะกรรมการพิจารณาแต่งตั้งบุคคลให้ดำรงตำแหน่งตามโครงสร้างการแบ่งส่วนราชการภายในใหม่ซึ่งพิจารณาเสนอแต่งตั้งบุคคลทั้งสองตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน(คตง.)ได้กำหนดไว้ แต่คุณหญิงจารุวรรณอ้างว่า บุคคลทั้งสองคุณสมบัติไม่เหมาะสม
ก่อนหน้านี้ เมื่อเวลา 10.30 น. วันเดียวกัน นายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส รองผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน ในฐานะรักษาการ ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน เดินทางมาขอเป็นผู้ร้องสอดในคดีที่ผู้ตรวจการแผ่นดินยื่นฟ้องคุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา อดีตผู้ว่าdkiฯ โดยขอให้ศาลเพิกถอนคำสั่งของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) ลงวันที่ 18 สิงหาคม 2553 ซึ่งคุณหญิงจารุวรรณ ได้ออกคำสั่งยกเลิกคำสั่งแต่งตั้งรองผู้ว่าการฯ เป็นผู้รักษาการผู้ว่าการฯ โดยระบุว่า เนื่องจากเป็นการออกคำสั่งของผู้ไม่มีอำนาจ
เพราะ ผู้ออกคำสั่ง(คุณหญิงจารุวรรณ)ได้พ้นจากตำแหน่งไปแล้ว พร้อมทั้งขอให้ศาลกำหนดมาตรการหรือวิธีการคุ้มครองเพื่อบรรเทาทุกข์ชั่วคราวก่อนการพิพากษา แต่ต่อมาศาลปกครองชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับคำฟ้องของผู้ตรวจการแผ่นดิน เพราะมิใช่ผู้มีส่วนได้เสียโดยตรง ทำให้นายพิศิษฐ์ ตัดสินใจเดินทางมายื่นฟ้องด้วยตัวเอง
นายพิศิษฐ์ ให้สัมภาษณ์ว่ามายื่นคำร้องขอเป็นผู้ร้องสอดในคดีดังกล่าว นอกจากนี้ ยังขอให้ศาลได้ดำเนินการไต่สวนฉุกเฉินและออกมาตรการหรือวิธีการคุ้มครองเพื่อบรรเทาทุกข์ชั่วคราวแก่ผู้ร้องสอดด้วย เพื่อคุ้มครองประโยชน์ของราชการ และให้คุณหญิงจารุวรรณหยุดการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายจนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาหรือคำสั่งเป็นอย่างอื่น
"เหตุที่ทำให้ผมตัดสินใจเดินทางมาฟ้องท่านครั้งนี้เพราะว่า ระหว่างที่รักษาการอยู่นั้นมีปัญหาและอุปสรรคในการทำงานมากมาย อีกทั้งยังก่อให้เกิดความสับสนต่อข้าราชการในหน่วยงาน สตง.และหน่วยงานราชการอื่นๆ อีกด้วย จึงตัดสินใจเดินทางมาเป็นผู้ร้องสอดในวันนี้ เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นต้องทำความเข้าใจด้วยว่าไม่ใช่ปัญหาส่วนตัวแต่เป็นปัญหาเกี่ยวกับตัวบุคคล" นายพิศิษฐ์ กล่าว
นายพิศิษฐ์กล่าวว่า เหตุการณ์ที่คุณหญิงจารุวรรณเข้ามาตบไหล่นั้น เป็นเรื่องจริง และได้แถลงข่าวเล่าให้สื่อมวลชนฟัง ซึ่งตอนนั้นคุณหญิงจารุวรรณก็นั่งอยู่ด้วย และก็ไม่ได้โต้แย้งอะไร แสดงว่าคุณหญิงจารุวรรณก็ยอมรับการกระทำดังกล่าวด้วย
เมื่อถามว่าทั้งรถยนต์ประจำตำแหน่ง โทรศัพท์มือถือ และห้องทำงานขณะนี้ได้ดำเนินการอย่างไรบ้าง รักษาการ ผู้ว่าการฯ กล่าวว่า การดำเนินการทุกอย่างก็ปฏิบัติตามระเบียบราชการ เมื่อคุณหญิงจารุวรรณได้พ้นจากภาระหน้าที่ไปแล้ว ทรัพย์สมบัติที่เป็นของหน่วยงานราชการทั้งหมดก็จำเป็นจะต้องนำมาคืน แต่ด้วยความอะลุ่มอะล่วยเก็ได้แต่เพียงทำหนังสือขอคืนไปแต่จนถึงบัดนี้เป็นเวลากว่า 2 เดือนแล้วท่านก็ยังไม่ได้นำมาคืนแต่อย่างใด
นายพิศิษฐ์ ให้สัมภาษณ์ว่ามายื่นคำร้องขอเป็นผู้ร้องสอดในคดีดังกล่าว นอกจากนี้ ยังขอให้ศาลได้ดำเนินการไต่สวนฉุกเฉินและออกมาตรการหรือวิธีการคุ้มครองเพื่อบรรเทาทุกข์ชั่วคราวแก่ผู้ร้องสอดด้วย เพื่อคุ้มครองประโยชน์ของราชการ และให้คุณหญิงจารุวรรณหยุดการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายจนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาหรือคำสั่งเป็นอย่างอื่น
"เหตุที่ทำให้ผมตัดสินใจเดินทางมาฟ้องท่านครั้งนี้เพราะว่า ระหว่างที่รักษาการอยู่นั้นมีปัญหาและอุปสรรคในการทำงานมากมาย อีกทั้งยังก่อให้เกิดความสับสนต่อข้าราชการในหน่วยงาน สตง.และหน่วยงานราชการอื่นๆ อีกด้วย จึงตัดสินใจเดินทางมาเป็นผู้ร้องสอดในวันนี้ เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นต้องทำความเข้าใจด้วยว่าไม่ใช่ปัญหาส่วนตัวแต่เป็นปัญหาเกี่ยวกับตัวบุคคล" นายพิศิษฐ์ กล่าว
นายพิศิษฐ์กล่าวว่า เหตุการณ์ที่คุณหญิงจารุวรรณเข้ามาตบไหล่นั้น เป็นเรื่องจริง และได้แถลงข่าวเล่าให้สื่อมวลชนฟัง ซึ่งตอนนั้นคุณหญิงจารุวรรณก็นั่งอยู่ด้วย และก็ไม่ได้โต้แย้งอะไร แสดงว่าคุณหญิงจารุวรรณก็ยอมรับการกระทำดังกล่าวด้วย
เมื่อถามว่าทั้งรถยนต์ประจำตำแหน่ง โทรศัพท์มือถือ และห้องทำงานขณะนี้ได้ดำเนินการอย่างไรบ้าง รักษาการ ผู้ว่าการฯ กล่าวว่า การดำเนินการทุกอย่างก็ปฏิบัติตามระเบียบราชการ เมื่อคุณหญิงจารุวรรณได้พ้นจากภาระหน้าที่ไปแล้ว ทรัพย์สมบัติที่เป็นของหน่วยงานราชการทั้งหมดก็จำเป็นจะต้องนำมาคืน แต่ด้วยความอะลุ่มอะล่วยเก็ได้แต่เพียงทำหนังสือขอคืนไปแต่จนถึงบัดนี้เป็นเวลากว่า 2 เดือนแล้วท่านก็ยังไม่ได้นำมาคืนแต่อย่างใด
หากคุณหญิงจารุวรรณกระทำเช่นนี้แล้วข้าราชการ สตง.จะไปดำเนินการกับหน่วยงานอื่นได้อย่างไร ในเมื่อ สตง.ต้องเป็นหน่วยงานที่คอยดูแลพิทักษ์ทรัยพ์สินของรัฐ แต่คุณหญิงจารุวรรณซึ่งเป็นผู้ใหญ่ก็มาทำเสียเอง