ด้วยกฎหมาย โดยผู้ฟ้องระบุ สตง. มีมติให้ไปดำรงตำแหน่ง เจ้าหน้าที่ตรวจสอบภายใน 8 แต่กลับถูกเด้ง จากเมืองกรุง ไปเป็นนักวิชาการตรวจเงินแผ่นดิน 8 จ.อยุธยา
เมื่อวันที่ 23 ม.ค. ที่ศาลปกครองกลาง ถนนแจ้งวัฒนะ
นายชูพงศ์ เศวตจินดา ตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองกลางและคณะ
ได้ออกบัลลังก์อ่านคำพิพากษาในคดีหมายเลขแดงที่ 88/2552 ซึ่ง
น.ส.สุมิตรา เนตรสว่าง
อดีตเจ้าหน้าที่ตรวจสอบภายใน 8 กลุ่มงานตรวจสอบภายใน สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.)
ยื่นฟ้อง
สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน และ
คุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา ผู้ว่าการ สตง.
ในข้อหา
หน่วยงานทางปกครองและเจ้าหน้าที่ ของรัฐออกคำสั่งไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ในการมีคำสั่งเมื่อวันที่ 10 มี.ค. 2549 ย้ายผู้ฟ้องคดีไปดำรงตำแหน่ง นักวิชาการตรวจเงินแผ่นดิน 8 สังกัดกลุ่มตรวจสอบการเงินที่ 2 สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินภูมิภาคที่ 1 (จ.พระนครศรีอยุธยา)
โดยไม่มีอำนาจ
มีลักษณะเป็นการเลือกปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรม และ
ไม่เป็นไปตามความเห็นชอบของคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน
ทั้งที่ตำแหน่งว่างใน สตง.ส่วนกลางยังมีเหลืออยู่เป็นจำนวนมาก
ทั้งนี้ ศาลปกครองกลางได้พิเคราะห์แล้วเห็นว่า
ในการประชุมคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน เมื่อวันที่ 21 ธ.ค. 2548 ได้มีมติเห็นชอบให้ใช้โครงสร้างการแบ่งส่วนราชการภายในและจัดอัตรากำลังของ สตง.ใหม่
โดยเห็นชอบหลักเกณฑ์และวิธีจัดคนลงตำแหน่ง ด้วยการ พิจารณาองค์ประกอบ คือ
1.ความรู้หรือคุณวุฒิที่สำเร็จ
2.ความสามารถ ความเชี่ยวชาญในงานที่ปฏิบัติ
3.ความประพฤติ 4.ประวัติการรับราชการ 5.ผลสำเร็จของงานที่รับผิดชอบในตำแหน่งและต่อนโยบายของ สตง. 6.จากการประเมินผลงาน และ7.ความอาวุโส โดยในการพิจารณาแต่ละองค์ประกอบดังกล่าว ให้เน้นที่ผลสำเร็จของงานเป็น อันดับแรก ส่วนวิธีการจัดคนลงตามโครงสร้างใหม่นั้น ให้ผู้ว่าการ สตง.แต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาพิจารณา 4 คณะ ได้แก่ ด้านวิชาการ ด้านสนับสนุนการตรวจสอบ ด้านการตรวจสอบภายในส่วนกลาง และด้านการตรวจสอบในส่วนภูมิภาค
เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่า คณะกรรมการตามคำสั่ง สตง.ที่ 17/2549 ซึ่งมีนายจีระรัตน์ นพวงศ์ ณ อยุธยา รองผู้ว่าฯ สตง.รักษาราชการแทนผู้ว่าการ สตง. เป็นประธานได้พิจารณาและมีมติเห็นชอบให้ น.ส.สุมิตราเข้าดำรงตำแหน่งเจ้าหน้าที่ตรวจสอบภายใน 8 กลุ่มงานตรวจสอบภายใน ตามหลักเกณฑ์และวิธีการจัดคนลงตามโครงสร้างใหม่ ที่คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินให้ความเห็นชอบ ผู้ว่าการ สตง. โดยคุณหญิงจารุวรรณ ก็ควรพิจารณาแต่งตั้ง น.ส.สุมิตรา เข้าดำรงตำแหน่งตามที่คณะกรรมการดังกล่าวเสนอ แต่หากผู้ว่าฯ สตง. เห็นว่า ไม่เหมาะสม ควรแต่งตั้ง น.ส.สุมิตราให้ไปดำรงตำแหน่งอื่น ก็จะต้องมีเหตุผลที่มีน้ำหนักเพียงพอที่หักล้างความเห็นของคณะกรรมการดังกล่าวได้
ในกรณีนี้ ผู้ว่าการ สตง. โดยคุณหญิงจารุวรรณ ได้มีคำสั่ง สตง.ที่ 40/2549 ลงวันที่ 10 มี.ค.2549 แต่งตั้ง น.ส.สุมิตรา ให้ไปดำรงตำแหน่งนักวิชาการตรวจเงินแผ่นดิน 8 สังกัดกลุ่มตรวจสอบการเงินที่ 2 สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินภูมิภาคที่ 1 (จ.พระนครศรีอยุธยา) ตามโครงสร้างแบ่งส่วนราชการใหม่ โดยอ้างว่า น.ส.สุมิตรา ไม่เหมาะสมกับการปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งเจ้าหน้าที่ตรวจสอบภายใน เนื่องจากการปฏิบัติงานที่ผ่านมา ไม่เกิดผลสัมฤทธิ์ที่เป็นประโยชน์ต่องานการตรวจสอบภายในอย่างใด
โดยอ้างอิงผลการปฏิบัติงานของ น.ส.สุมิตรา ซึ่งศาลได้ตรวจพิจารณาแล้วเห็นว่า เอกสารรายงานฉบับดังกล่าว มิได้มีข้อโต้แย้งหรือกล่าวอ้างว่า น.ส.สุมิตรา มีข้อบกพร่องหรือไม่เป็นประโยชน์ต่องานตรวจสอบภายในเรื่องใด ประกอบกับผลการปฏิบัติงานดังกล่าวตามเอกสารที่ ผู้ว่าการ สตง. โดยคุณหญิงจารุวรรณ อ้างถึงนั้น เป็นช่วงระยะเวลาที่คุณหญิงจารุวรรณ ไม่ได้ปฏิบัติงานในตำแหน่ง ผู้ว่าการ สตง.ในระหว่างวันที่ 8 ก.ค. 2547 ถึง 7 ก.พ. 2549 รวมระยะเวลา 1 ปี 7 เดือน ข้ออ้างดังกล่าวของผู้ว่าการ สตง.จึงไม่มีเหตุผลเพียงพอที่จะหักล้างความเห็นของคณะกรรมการพิจารณาแต่งตั้งตามคำสั่งที่ 17/2549 ที่เห็นควรจัดและแต่งตั้ง น.ส.สุมิตราได้ดำรงตำแหน่งเดิม
ดังนั้น การที่ผู้ว่าการ สตง. โดยคุณหญิงจารุวรรณ ได้พิจารณาแต่งตั้ง น.ส.สุมิตรา เจ้าหน้าที่ ตรวจสอบภายใน 8 กลุ่มงานตรวจสอบภายใน ไปดำรงตำแหน่งนักวิชาการตรวจเงินแผ่นดิน 8 สังกัดกลุ่มตรวจสอบการเงินที่ 2 สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินภูมิภาคที่ 1 (จ.พระนครศรีอยุธยา) จึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย
พิพากษาให้เพิกถอนคำสั่ง สตง.ที่ 40/2549 ลงวันที่ 10 มี.ค. 2549 เฉพาะส่วนที่แต่งตั้ง น.ส.สุมิตรา ให้ดำรงตำแหน่งนักวิชาการตรวจเงินแผ่นดิน 8 สังกัดกลุ่มตรวจสอบการเงินที่ 2 สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินภูมิภาคที่ 1 (จ.พระนครศรีอยุธยา) และให้ถือปฏิบัติต่อสิทธิหรือหน้าที่ของ น.ส.สุมิตราได้ปฏิบัติหน้าที่ราชการอยู่ที่ส่วนกลาง (กทม.) ตั้งแต่วันที่ 10 มี.ค. 2549 จนเกษียณอายุราชการ ส่วนคำขออื่นให้ยก
อย่างไรก็ดี ผู้สื่อข่าวพยายามติดต่อคุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ แต่ไม่สามารถติดต่อได้
Read more ...
เมื่อวันที่ 23 ม.ค. ที่ศาลปกครองกลาง ถนนแจ้งวัฒนะ
นายชูพงศ์ เศวตจินดา ตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองกลางและคณะ
ได้ออกบัลลังก์อ่านคำพิพากษาในคดีหมายเลขแดงที่ 88/2552 ซึ่ง
น.ส.สุมิตรา เนตรสว่าง
อดีตเจ้าหน้าที่ตรวจสอบภายใน 8 กลุ่มงานตรวจสอบภายใน สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.)
ยื่นฟ้อง
สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน และ
คุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา ผู้ว่าการ สตง.
ในข้อหา
หน่วยงานทางปกครองและเจ้าหน้าที่ ของรัฐออกคำสั่งไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ในการมีคำสั่งเมื่อวันที่ 10 มี.ค. 2549 ย้ายผู้ฟ้องคดีไปดำรงตำแหน่ง นักวิชาการตรวจเงินแผ่นดิน 8 สังกัดกลุ่มตรวจสอบการเงินที่ 2 สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินภูมิภาคที่ 1 (จ.พระนครศรีอยุธยา)
โดยไม่มีอำนาจ
มีลักษณะเป็นการเลือกปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรม และ
ไม่เป็นไปตามความเห็นชอบของคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน
ทั้งที่ตำแหน่งว่างใน สตง.ส่วนกลางยังมีเหลืออยู่เป็นจำนวนมาก
ทั้งนี้ ศาลปกครองกลางได้พิเคราะห์แล้วเห็นว่า
ในการประชุมคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน เมื่อวันที่ 21 ธ.ค. 2548 ได้มีมติเห็นชอบให้ใช้โครงสร้างการแบ่งส่วนราชการภายในและจัดอัตรากำลังของ สตง.ใหม่
โดยเห็นชอบหลักเกณฑ์และวิธีจัดคนลงตำแหน่ง ด้วยการ พิจารณาองค์ประกอบ คือ
1.ความรู้หรือคุณวุฒิที่สำเร็จ
2.ความสามารถ ความเชี่ยวชาญในงานที่ปฏิบัติ
3.ความประพฤติ 4.ประวัติการรับราชการ 5.ผลสำเร็จของงานที่รับผิดชอบในตำแหน่งและต่อนโยบายของ สตง. 6.จากการประเมินผลงาน และ7.ความอาวุโส โดยในการพิจารณาแต่ละองค์ประกอบดังกล่าว ให้เน้นที่ผลสำเร็จของงานเป็น อันดับแรก ส่วนวิธีการจัดคนลงตามโครงสร้างใหม่นั้น ให้ผู้ว่าการ สตง.แต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาพิจารณา 4 คณะ ได้แก่ ด้านวิชาการ ด้านสนับสนุนการตรวจสอบ ด้านการตรวจสอบภายในส่วนกลาง และด้านการตรวจสอบในส่วนภูมิภาค
เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่า คณะกรรมการตามคำสั่ง สตง.ที่ 17/2549 ซึ่งมีนายจีระรัตน์ นพวงศ์ ณ อยุธยา รองผู้ว่าฯ สตง.รักษาราชการแทนผู้ว่าการ สตง. เป็นประธานได้พิจารณาและมีมติเห็นชอบให้ น.ส.สุมิตราเข้าดำรงตำแหน่งเจ้าหน้าที่ตรวจสอบภายใน 8 กลุ่มงานตรวจสอบภายใน ตามหลักเกณฑ์และวิธีการจัดคนลงตามโครงสร้างใหม่ ที่คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินให้ความเห็นชอบ ผู้ว่าการ สตง. โดยคุณหญิงจารุวรรณ ก็ควรพิจารณาแต่งตั้ง น.ส.สุมิตรา เข้าดำรงตำแหน่งตามที่คณะกรรมการดังกล่าวเสนอ แต่หากผู้ว่าฯ สตง. เห็นว่า ไม่เหมาะสม ควรแต่งตั้ง น.ส.สุมิตราให้ไปดำรงตำแหน่งอื่น ก็จะต้องมีเหตุผลที่มีน้ำหนักเพียงพอที่หักล้างความเห็นของคณะกรรมการดังกล่าวได้
ในกรณีนี้ ผู้ว่าการ สตง. โดยคุณหญิงจารุวรรณ ได้มีคำสั่ง สตง.ที่ 40/2549 ลงวันที่ 10 มี.ค.2549 แต่งตั้ง น.ส.สุมิตรา ให้ไปดำรงตำแหน่งนักวิชาการตรวจเงินแผ่นดิน 8 สังกัดกลุ่มตรวจสอบการเงินที่ 2 สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินภูมิภาคที่ 1 (จ.พระนครศรีอยุธยา) ตามโครงสร้างแบ่งส่วนราชการใหม่ โดยอ้างว่า น.ส.สุมิตรา ไม่เหมาะสมกับการปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งเจ้าหน้าที่ตรวจสอบภายใน เนื่องจากการปฏิบัติงานที่ผ่านมา ไม่เกิดผลสัมฤทธิ์ที่เป็นประโยชน์ต่องานการตรวจสอบภายในอย่างใด
โดยอ้างอิงผลการปฏิบัติงานของ น.ส.สุมิตรา ซึ่งศาลได้ตรวจพิจารณาแล้วเห็นว่า เอกสารรายงานฉบับดังกล่าว มิได้มีข้อโต้แย้งหรือกล่าวอ้างว่า น.ส.สุมิตรา มีข้อบกพร่องหรือไม่เป็นประโยชน์ต่องานตรวจสอบภายในเรื่องใด ประกอบกับผลการปฏิบัติงานดังกล่าวตามเอกสารที่ ผู้ว่าการ สตง. โดยคุณหญิงจารุวรรณ อ้างถึงนั้น เป็นช่วงระยะเวลาที่คุณหญิงจารุวรรณ ไม่ได้ปฏิบัติงานในตำแหน่ง ผู้ว่าการ สตง.ในระหว่างวันที่ 8 ก.ค. 2547 ถึง 7 ก.พ. 2549 รวมระยะเวลา 1 ปี 7 เดือน ข้ออ้างดังกล่าวของผู้ว่าการ สตง.จึงไม่มีเหตุผลเพียงพอที่จะหักล้างความเห็นของคณะกรรมการพิจารณาแต่งตั้งตามคำสั่งที่ 17/2549 ที่เห็นควรจัดและแต่งตั้ง น.ส.สุมิตราได้ดำรงตำแหน่งเดิม
ดังนั้น การที่ผู้ว่าการ สตง. โดยคุณหญิงจารุวรรณ ได้พิจารณาแต่งตั้ง น.ส.สุมิตรา เจ้าหน้าที่ ตรวจสอบภายใน 8 กลุ่มงานตรวจสอบภายใน ไปดำรงตำแหน่งนักวิชาการตรวจเงินแผ่นดิน 8 สังกัดกลุ่มตรวจสอบการเงินที่ 2 สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินภูมิภาคที่ 1 (จ.พระนครศรีอยุธยา) จึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย
พิพากษาให้เพิกถอนคำสั่ง สตง.ที่ 40/2549 ลงวันที่ 10 มี.ค. 2549 เฉพาะส่วนที่แต่งตั้ง น.ส.สุมิตรา ให้ดำรงตำแหน่งนักวิชาการตรวจเงินแผ่นดิน 8 สังกัดกลุ่มตรวจสอบการเงินที่ 2 สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินภูมิภาคที่ 1 (จ.พระนครศรีอยุธยา) และให้ถือปฏิบัติต่อสิทธิหรือหน้าที่ของ น.ส.สุมิตราได้ปฏิบัติหน้าที่ราชการอยู่ที่ส่วนกลาง (กทม.) ตั้งแต่วันที่ 10 มี.ค. 2549 จนเกษียณอายุราชการ ส่วนคำขออื่นให้ยก
อย่างไรก็ดี ผู้สื่อข่าวพยายามติดต่อคุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ แต่ไม่สามารถติดต่อได้