ศาลรับฟ้อง “เพชรน้ำหนึ่ง” ตกฟุตปาธพิการ เรียก กทม.5 ล้าน!

8/5/52
ศาลรับฟ้องคดี “เพชรน้ำหนึ่ง” นักเขียนรางวัลดีเด่น ปี 46 เดินตกริมฟุตปาธ ข้อเท้าซ้ายแตก-กลายเป็นคนพิการ เรียกค่าเสียหาย กทม.วิศวกร-บริษัทผู้รับเหมา 5 ล้านบาท นัดพร้อมคู่ความ 29 มิ.ย.ขณะที่พ่อ บอกหลังเกิดเหตุลุกสาวไม่ได้เขียนงานเก็บตัว เคยเป็นคนร่าเริง ชอบออกกำลังกาย ก็อยู่แต่ภายในบ้าน มีเพียงห้องนอน-บริเวณหน้าหิ้งพระเป็นเพื่อน
วันนี้ (7 พ.ค.52) ที่ศาลจังหวัดตลิ่งชัน เวลา 09.30 น.ศาลนัดฟังคำสั่งคดีหมายเลขดำที่ 3768/2551 ที่

น.ส.วดี หรือ น้องน้ำ เบญจปัญญาวงศ์ นักศึกษาชั้นปีที่ 4 คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี

นักเขียนรางวัลเยาวชนดีเด่นเรนโบว์ อวอร์ด เมื่อปี 2546 นามปากกา

“เพชรน้ำหนึ่ง” และ “วดี”

บุตรสาว นางเพชรลดา เฟื่องอักษร นักเขียนอิสระ เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง

1. กรุงเทพมหานคร,

2. นายประคอง มณีฉาย วิศวกร และ

3. บริษัท บี.ซี.ดี.ซี.จำกัด ผู้รับเหมาก่อสร้าง เป็นจำเลยที่ 1-3

ในคดีแพ่ง เรื่องละเมิด เรียกค่าเสียหาย 5 ล้านบาท

กรณีเมื่อวันที่ 10 ต.ค.2550 เวลา 19.00 น.น.ส.วดี ได้รับบาดเจ็บจากการเดินตกริมฟุตปาธ ถนนทวีวัฒนา-กาญจนาภิเษก ทำให้กระดูกข้อเท้าซ้ายแตกและต้องกลายเป็นผู้พิการ

โดยวันนี้ น.ส.วดี เดินทางไปฟังคำสั่งพร้อม นายเริงศักดิ์ กำธร บิดา และ นางเฟื่องลดา มารดา พร้อมด้วยทนายความ ซึ่งศาลมีคำสั่งประทับรับฟ้องและอนุญาตให้ยกเว้นค่าธรรมเนียมศาลกับโจทก์ในการยื่นฟ้องคดีแพ่ง

ทั้งนี้ ศาลได้นัดพร้อมคู่ความเพื่อกำหนดวันสืบพยานต่อไปในวันที่ 29 มิ.ย.นี้ เวลา 09.00 น.

ขณะที่ นางพัชรินทร์ พิณกุล ทนายความโจทก์ กล่าวว่า เดิมทีคดีนี้ผู้ปกครอง น.ส.วดี ขอให้ยื่นฟ้องเรียกค่าเสียหาย 27 ล้านบาท ซึ่งการยื่นฟ้องคดีแพ่งจะต้องวางค่าธรรมเนียมศาล แต่เมื่อผู้ปกครอง น.ส.วดี ไม่อาจชำระค่าธรรมเนียม และได้ยื่นคำร้องต่อศาลขออนุญาตฟ้องคดี โดยยกเว้นค่าธรรมเนียมแล้ว ก็จำเป็นต้องลดจำนวนเงินฟ้องลงมาเหลือตามความเหมาะสม และหลักฐานการพิสูจน์ในชั้นศาล ฝ่ายโจทก์จึงลดจำนวนเงินค่าเสียหายเหลือเพียง 5 ล้านบาท

ด้าน นายเริงศักดิ์ บิดา น.ส.วันดี กล่าวว่า หลังจากเกิดเหตุแพทย์ได้วินิจฉัยว่ากระดูกเท้าซ้ายหัก 2 ท่อน ต้องดามเหล็ก เวลาจะเดินต้องใช้ไม้เท้าค้ำยันช่วยพยุงตัว ซึ่งขณะนี้ตนได้ไปขอรับใบผู้พิการจากองค์กรผู้พิการ เพื่อให้บุตรสาวใช้สิทธิต่างๆ ในฐานะผู้พิการมาแล้ว

อย่างไรก็ดี ส่วนการเรียนของบุตรสาว ได้ศึกษากฎหมายปีสุดท้ายแล้ว แต่ด้านงานเขียนนั้น หลังจากเกิดเหตุบุตรสาวไม่ได้เขียนงานอีกเลย ซึ่งบุตรสาวเคยเป็นคนร่าเริง ชอบออกกำลังกาย เล่นเทนนิส ว่ายน้ำ แต่เมื่อประสบอุบัติเหตุจนเท้าซ้ายพิการ ก็อยู่แต่ภายในบ้าน ไม่ได้ไปงานรับเชิญเกี่ยวกับด้านหนังสืองานเขียนวรรณกรรม โดยโลกภายนอกของบุตรสาวมีเพียงห้องนอนและบริเวณหน้าหิ้งพระ และการยื่นฟ้องคดีนี้ หวังเป็นการต่อสู้เพื่อสิทธิสตรีผู้พิการ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น