สมาชิกวุฒิสภาจากการสรรหา : ผู้แทนของกลุ่มอภิสิทธิชน

5/12/52
รธน.มาตรา ๑๒๒ บัญญัติให้สมาชิกวุฒิสภา(สว.).ที่มาจากการสรรหาว่า เป็นผู้แทนของ ปวงชนชาวไทย ???

สว.กลุ่มนี้ มีจำนวนถึง ๗๔ คนจากทั้งหมด ๑๕๐ คน (หักจากจำนวน สมาชิกวุฒิสภาที่มาจาก การเลือกตั้งจังหวัดละ ๑ คนรวม ๗๖ คน)

มีที่มาจากการเสนอชื่อขององค์กรต่างๆ ในภาควิชาการ ภาครัฐ ภาคเอกชน ภาควิชาชีพและภาคอื่นๆ และได้รับการคัดเลือกจากคณะกรรมการสรรหาจำนวน ๗ คน ประกอบด้วย

๑. ประธานศาลรัฐธรรมนูญ
๒. ประธานกรรมการการเลือกตั้ง
๓. ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน
๔. ประธานกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ
๕. ประธานกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน
๖. ผู้พิพากษาในศาลฎีกาที่ดำรงตำแหน่งไม่ต่ำกว่าผู้พิพากษาศาลฎีกา ซึ่งที่ประชุมใหญ่ ศาลฎีกามอบหมายจำนวนหนึ่งคน และ
๗. ตุลาการในศาลปกครองสูงสุด ซึ่งที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุดมอบหมายจำนวนหนึ่งคน

ทั้งนี้

ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พศ.๒๕๕๐(รธน.) มาตรา ๑๑๑ ๑๑๓ และ ๑๑๔

คณะกรรมการสรรหาสว.ชุดปัจจุบัน ประกอบด้วย

๑. นายวิรัช ลิ้มวิชัย ประธานศาลฎีกาในฐานะ ประธานศาลรัฐธรรมนูญ

๒. นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธาน กกต.

๓. พล.อ.ธีรเดช มีเพียร ประธาน ผู้ตรวจการแผ่นดินของรัฐสภา

๔. นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธาน ป.ป.ช.

๕. นายมนตรี ศรีเอี่ยมสะอาด ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา

๖. นายอำพล สิงหโกวินท์ ตุลาการหัวหน้าคณะใน ศาลปกครองสูงสุด และ

๗. คุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา ผู้ว่าการสตง.ทำหน้าที่แทนประธาน คตง.

การบัญญัติให้มีสว.เกือบครึ่งหนึ่งของวุฒิสภามาจาการสรรหา คือสัญญลักษณ์ที่พิสูจน์แสดงว่า

พวกอภิสิทธิชนได้ปล้นชิงอำนาจอธิปไตยไปจากปวงชนชาวไทยโดยการให้คนเพียง ๗ คน

มีอำนาจเลือกสว.จำนวนเกือบเท่ากับประชาชนทั่วทั้งประเทศ

ทำไมกรรมการสรรหา ๗ คนนี้ จึงมีสิทธิมีเสียงมากกว่าสามัญชนคนไทยอื่นๆ ๖๐ กว่าล้านคน ?

นี่เป็นการขัดกับหลักการเสมอภาคของบุคคลตามระบอบประชาธิปไตยอย่างชัดเจน

เมื่อพิจารณาจากที่มาและองค์ประกอบของคณะกรรมการสรรหา จะพบว่าส่วนใหญ่ประกอบด้วย ข้าราชการตุุลาการชั้นผู้ใหญ่เป็นส่วนใหญ่ถึง ๔ ใน ๗ คน ที่เหลืออีก ๓ คนก็ล้วนเป็น ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่จากหน่วยงานอื่นๆ ซึ่งได้ตัดทอนบทบาทของอภิสิทธิชนกลุ่มคณบดี และ อธิการบดีของมหาวิทยาลัยต่างๆออกไปจนหมดสิ้น

การที่สถาบันตุลาการได้เข้ามามีบทบาทเพิ่มขึ้นในช่วงวิกฤติการเมืองที่ผ่านมา โดยเฉพาะ การเข้ามามีบทบาทสำคัญในการสรรหา สว.เช่นนี้ บรรดาตุลาการทั้งหลาย ควรต้องตระหนักว่า อำนาจยิ่งใหญ่ที่พวกท่านได้มา ย่อมต้องตามมาด้วยความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่ต่อปวงชน ชาวไทยด้วยเช่นเดียวกัน

นั่นหมายถึง ทั้งตัวสถาบันและตัวบุคคล ต้องพร้อมที่จะต้องถูกตรวจสอบ วิพากษ์วิจารย์และ รับผิดชอบต่อผลการสรรหาสว.ครั้งนี้ด้วย

ดูตัวบุคคลของกรรมการสรรหาสว.แล้ว ทำให้เห็นย้อนไปได้ว่า รัฐประหารครั้งที่ผ่านมาและ การร่าง รธน.๕๐ เป็นผลพวงมาจาก การร่วมมือของพวกนายทหารคมช. ตุลาการ และบรรดา พวกอภิสิทธิชนของสังคมไทย ตามหลัก

"ชนชั้นใด ร่างกฎหมาย ก็แน่ไซร้ เพื่อ ชนชั้นนั้น"

ทั้งกลุ่มอภิสิทธิชนดังกล่าว ได้สืบทอดอำนาจของตนต่อไป โดยผ่านร่างทรงคือ สว.จาก การสรรหานั่นเอง

พวกนี้บิดเบือนแอบอ้างพระราชดำรัสเรื่องคนดี ที่ว่า

บ้านเมืองมีทั้งคนดีและคนไม่ดี ต้องสนับสนุน ให้คนดีมีอำนาจและต้องสะกัดกั้นคนไม่ดี ไม่ให้มีอำนาจ มาใช้เป็นเครื่องมือ ในการทำลายศัตรูทางการเมืองของกลุ่มตนและส่งร่างทรงของพวกเขา เข้าสู่ตำแหน่งสำคัญๆต่างๆ ของบ้านเมือง

นี่คือ การดึงฟ้าให้ต่ำ นับเป็นอันตรายอย่างยิ่งต่อความมั่นคงของชาติและราชบัลลังค์

ร่วมกันจับตาดูหน้าตาคนดีของพวกอภิสิทธิชน ที่กำลังจะส่งขึ้นเวทีการเมืองไทย ในเร็ววันนี้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น